- LAN Card หน้าที่ของ LAN Card เป็นการ์ดที่ทำหน้าที่รีบส่งข้อมูลผ่านสายนำสัญญาณ เช่น สายเคเบิล หรือผ่านคลื่นวิทยุ จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง
- Network Cable สายสัญญาณที่มีลักษณะคล้ายสายโทรศัพท์ ที่นิยมใช้มีดังนี้ UTB, STB ซึ่งการเลือกสายแต่ละประเภทนี้จะขึ้นกับการนำไปใช้ เช่น ติดตั้งภายใน ภายนอก หรือระยะทางไกลแค่ไหน เป็นต้น (UTP สามารถติดตั้งได้ในระยะทางไม่เกิน 100 เมตร)
- สวิตซ์ (SWITCH) ทำหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ โดยมี Port ไว้สำหรับเสียบสาย LAN ที่ต่อมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์เหมือน HUB ต่างกันที่ส่งข้อมูลที่ได้รับจากพอร์ตหนึ่งไปยังพอร์ตเฉพาะที่เป็นปลายทางเท่านั้น เพื่อลดปัญหาการชนการของข้อมูล
- เราเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายหลายระบบเข้าด้วยกัน คล้ายกับบริดจ์ แต่มีส่วนการทำงานที่ซับซ้อนมากกว่าบริดจ์มาก โดยเราเตอร์จะมีเส้นทางการเชื่อมโยงระหว่างแต่ละเครือข่ายเก็บไว้เป็นตารางเส้นทาง เรียกว่า Routing Table ทำให้เราเตอร์สามารถทำหน้าที่จัดหาเส้นทางและเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการเดินทาง เพื่อการติดต่อระหว่างเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- บริดจ์ เป็นอุปกรณ์ที่มักจะใช้ในการเชื่อมต่อวงแลน (LAN Segments) เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถขยายขอบเขตของ LAN ออกไปได้เรื่อยๆ โดยที่ประสิทธิภาพรวมของระบบไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากการติดต่อของเครื่องที่อยู่ในเซกเมนต์เดียวกันจะไม่ถูกส่งผ่านไปรบกวนการจราจรของเซกเมนต์อื่น และเนื่องจากบริดจ์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในระดับ Data Link Layer จึงทำให้สามารถใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่แตกต่างกันในระดับ Physical และ Data Link ได้ เช่น ระหว่าง Eternet กับ Token Ring เป็นต้น
วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2550
อุปกรณ์ที่ใช้บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เปรียบเทียบการรับส่งข้อมูลของ TCP/IP กับ OSI Model
เนื่องจาก OSI เกิดขึ้นมาหลังจากที่ TCP/IP ได้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายไปแล้ว โดยTCP/P ใช้ในเครือข่าย ARPANET เป็นเครือข่ายแรก ซึ่งต่อมาได้ขยายการเชื่อมต่อไปทั่วโลกเป็นเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ทำให้มาตรฐานของ TCP/P เป็นที่ยอมรับ กันอย่างกว้างขวาง และการที่ TCP/IP เป็นโปรโตคอลชนิดที่ให้ใช้ได้ฟรีไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ การใช้งานTCP/IP ก็ยิ่งมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นไปอีกจนถือเป็นมาตรฐานที่มีผู้ใช้รับส่งข้อมูลมากที่สุดในปัจจุบัน
เมื่อ TCP/IP เป็นมาตรฐานที่เกิดขั้นก่อน OSI 7-Layer Model มาตรฐานของTCP/IP จึงไม่ใช่มาตราฐานเดียว กันกับของ OSI โดย TCP/IP จะมีการแบ่งจำนวนขั้นตอนที่ใช้รับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์สองระบบออกเป็น 4 ชั้น เท่านั้น หรือ เรียกว่าเป็นTCP/IP Stack โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันดังนี้
ชั้นบนคือ Process Layer จะเป็น Application Protocol ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับผู้ใช้และให้บริการต่าง ๆ เช่น FTP, Telnet, SNMP ฯลฯ
เมื่อ TCP/IP เป็นมาตรฐานที่เกิดขั้นก่อน OSI 7-Layer Model มาตรฐานของTCP/IP จึงไม่ใช่มาตราฐานเดียว กันกับของ OSI โดย TCP/IP จะมีการแบ่งจำนวนขั้นตอนที่ใช้รับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์สองระบบออกเป็น 4 ชั้น เท่านั้น หรือ เรียกว่าเป็นTCP/IP Stack โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันดังนี้
ชั้นบนคือ Process Layer จะเป็น Application Protocol ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับผู้ใช้และให้บริการต่าง ๆ เช่น FTP, Telnet, SNMP ฯลฯ
ชั้นถัดมาคือ Host-to-Host Layer จะควบคุมการรับส่งข้อมูลจากด้านส่งถึงด้านรับข้อมูล
ชั้นถัดลงมาคือ Internetwork Layer ได้แก่ส่วนของโปรโตคอล IP ทำหน้าที่เชื่อต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบ เครือข่ายที่อยู่ชั้นล่างลงไป และทำหน้าที่เลือกเส้นทางการรับส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆ จนไปถึงผู้รับส่งข้อมูล
ส่วนชั้นสุดท้ายคือ Network Interface จะทำหน้าที่เชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์ และควบคุมการรับส่งข้อมูลในระดับ ฮาร์ดแวร์ของเครือข่าย ซึ่งที่ใช้กันอยู่จะเป็นตามมาตรฐานของ IEEE เช่น IEEE 802.3 จะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน LAN แบบ Ethernet LAN หรือ IEEE802. จะเป็ฯการเชื่อมต่อผ่าน LAN แบบ Token Ring
ชั้นถัดลงมาคือ Internetwork Layer ได้แก่ส่วนของโปรโตคอล IP ทำหน้าที่เชื่อต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบ เครือข่ายที่อยู่ชั้นล่างลงไป และทำหน้าที่เลือกเส้นทางการรับส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆ จนไปถึงผู้รับส่งข้อมูล
ส่วนชั้นสุดท้ายคือ Network Interface จะทำหน้าที่เชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์ และควบคุมการรับส่งข้อมูลในระดับ ฮาร์ดแวร์ของเครือข่าย ซึ่งที่ใช้กันอยู่จะเป็นตามมาตรฐานของ IEEE เช่น IEEE 802.3 จะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน LAN แบบ Ethernet LAN หรือ IEEE802. จะเป็ฯการเชื่อมต่อผ่าน LAN แบบ Token Ring
ปัญหาไอทีกับธุรกิจ
- มนุษย์สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ง่ายมากขึ้น เพราะมีบัตรเครดิตทำให้ไม่ต้องพกเงินสด และทำให้อัตราการเป็นหนี้สูงขึ้น
- มีการแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น เพราะต่างก็มุ่งหวังผลกำไรึ่งก็เกิดผลดี คืออัตราการขยายตัวทางธุรกิจสูงขึ้น แต่ผลกระทบก็เกิดตามมา คือ บางครั้งก็มุ่งแข่งขันกันจนลืมความมีมนุษยธรรมหรือความมีน้ำใจ
- ทำให้มีการแข่งขันทางด้านธุรกิจสูงจนบางครั้งทำให้ลิมนึกถึงศีลธรรม
- การขาดความรู้ด้านเทคโนโลยีจะทำให้การค้าขายไม่ทันเพื่อนบ้าน
- หากไม่วางแผนการใช้เงินจะทำให้ยากจนลงเกิดหนี้พอกพูนเพราะบัตรเครดิตใบเดียวสามารถใช้เงินได้ล่วงหน้ามากมาย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)